woman holding man and toddler hands during daytime

ทัชดาวประกันชีวิต 101

เรียนรู้เกี่ยวกับประกันชีวิตกับดาวกันค่ะ เพื่อที่คุณจะได้เข้าใจประกันชีวิตมากขึ้น เลือกประกันชีวิตที่เหมาะสมกับสถานการณ์ทางการเงิน ครอบครัว และเป้าหมายของคุณค่ะ

บทที่ 1 ประกันชีวิตคืออะไร ความสำคัญ?
"เพราะชีวิตไม่แน่นอน… แต่เราวางแผนได้"

วันนี้เราจะมาเริ่มบทเรียนแรกในคอร์ส "ประกันชีวิตเข้าใจง่าย"

หลายคนอาจจะคิดว่า...
"ฉันยังไม่จำเป็นต้องมีประกันหรอก เดี๋ยวค่อยซื้อก็ได้"
หรือบางคนอาจคิดว่า "ประกันชีวิตมันแพง ใช้เงินเปลือง"

แต่ดาวอยากให้คุณลองมองแบบนี้ค่ะ...

💔 ลองจินตนาการ...

หากวันหนึ่งเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นกับเรา –
เรามีครอบครัว มีคนที่เรารัก…
เรายังมีบ้านที่ต้องผ่อน รถที่ต้องจ่าย หรือแม้แต่ลูกที่ต้องเรียนหนังสือ

ใครจะดูแลพวกเขา ถ้าเราไม่อยู่?

นั่นแหละค่ะ... คือหน้าที่ของประกันชีวิต
ไม่ใช่แค่ "เงินชดเชย" แต่คือ
"ความสบายใจให้กับคนที่คุณรัก"
ในวันที่เขาเสียใจ... อย่างน้อยเขาไม่ต้องกังวลเรื่องเงิน

✅ ประกันชีวิตสามารถ...

  • คุ้มครองครอบครัวเมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝัน

  • ช่วยใช้หนี้ หรือลดภาระค่าใช้จ่ายที่เหลือไว้

  • วางแผนอนาคตลูก

  • วางแผนเกษียณให้ตัวเอง

  • สร้างมรดกให้คนรุ่นหลัง

  • ใช้เป็นเงินสำรองยามฉุกเฉินผ่านประกันแบบ IUL

สรุป:

ประกันชีวิต คือการแสดงความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ต่อครอบครัว
คือการบอกว่า “แม้ฉันจะไม่อยู่ตรงนี้แล้ว... แต่ฉันยังดูแลคุณอยู่”

บทที่ 2 ประกันชีวิตมีกี่ประเภท?

"เข้าใจง่าย ประกันชีวิตมีกี่แบบ ต่างกันยังไง?"

ประกันชีวิตแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลักๆ ดังนี้:

1. ประกันชีวิตแบบชั่วระยะเวลา (Term Life Insurance)

  • คุ้มครองเฉพาะช่วงเวลาที่กำหนด เช่น 10, 20 หรือ 30 ปี

  • ถ้าเสียชีวิตในช่วงนั้น คนข้างหลังจะได้รับเงิน

  • ค่าเบี้ยถูกที่สุด แต่ ไม่มีเงินคืนถ้าอยู่ครบสัญญา

  • เหมาะกับ: คนที่มีงบน้อย, ต้องการความคุ้มครองชั่วคราว เช่นช่วงมีหนี้บ้าน

2. ประกันชีวิตแบบตลอดชีพ (Whole Life Insurance)

  • คุ้มครองจนถึงเสียชีวิต (ถ้าจ่ายเบี้ยครบตามแผน)

  • มีเงินสะสม (Cash Value) ที่เติบโตช้าแต่มั่นคง

  • ค่าเบี้ยแพงกว่า Term และ IUL แต่ให้ความมั่นคงระยะยาว

  • ความยืดหยุ่นมีน้อยมากถ้าเทียบกับ IUL

  • เหมาะกับ: คนที่ต้องการสร้างมรดก หรือวางแผนระยะยาว

3. 📈 ประกันชีวิตแบบควบการลงทุน (Indexed Universal Life – IUL)

  • คุ้มครองชีวิตแบบถาวร + มีเงินสะสมที่เติบโตตามดัชนีหุ้น

  • ปลอดภัยเพราะมี “การป้องกันขาดทุน” (Zero is your Hero)

  • ใช้เงินในกรมธรรม์ได้แบบปลอดภาษี (Tax-Free Retirement)

  • ยืดหยุ่นในการจ่ายเบี้ย

  • เหมาะกับ: คนที่ต้องการประกัน + ออม + ลงทุนในตัวเดียวกัน

🧾 คำศัพท์สำคัญที่ควรรู้

  • Death Benefit = จำนวนเงินที่ครอบครัวจะได้รับเมื่อผู้เอาประกันเสียชีวิต

  • Cash Value = เงินสะสมที่เติบโตในประกันบางแบบ (เช่น Whole Life หรือ IUL)

  • Premium = ค่าเบี้ยประกันที่เราต้องจ่าย

  • Riders = สัญญาเพิ่มเติม เช่น คุ้มครองโรคร้ายแรง, ทุพพลภาพ

สรุป:

“ไม่มีแบบไหนดีหรือแย่ที่สุด มีแต่แบบที่ เหมาะกับคุณที่สุด
บางคนอาจเริ่มจาก Term ก่อน แล้วค่อยขยับไป IUL หรือ Whole Life เมื่อพร้อมก็ได้ค่ะ

บทที่ 3 ประกันชีวิตแบบไหน ใช่สำหรับคุณ?

"เราควรเลือกประกันชีวิตแบบไหนดีให้เหมาะกับเรา?"

ลองตั้งคำถามง่ายๆ ที่ช่วยให้คุณเลือกแบบประกันได้ตรงจุด:

1. คุณต้องการประกันเพื่ออะไร?

  • เพื่อ คุ้มครองครอบครัว ในกรณีที่คุณไม่อยู่ใช่ไหม?

  • หรือคุณอยากใช้ประกันเป็น การออมเงินระยะยาว?

  • หรืออยากให้เป็น แหล่งรายได้ปลอดภาษีตอนเกษียณ?

ถ้าคุณเน้นคุ้มครอง -> Term Life
ถ้าคุณอยากให้เงินเติบโต + ยืดหยุ่น + ปลอดภาษี -> IUL

2. งบประมาณของคุณอยู่ที่ประมาณเท่าไหร่?

  • ถ้า งบน้อยแต่ต้องการความคุ้มครองสูง → Term Life

  • ถ้ามีงบมากขึ้น → IUL อาจเหมาะกว่า

💡 บางคนเริ่มจาก Term ก่อน แล้วค่อยเพิ่ม IUL เมื่อมีความมั่นคงมากขึ้นก็ได้นะคะ

3. คุณอยากให้ประกันช่วยในช่วงอายุเท่าไหร่?

  • แค่ช่วงที่มีหนี้สิน/ภาระ → Term

  • ตลอดชีวิตเพื่อส่งต่อมรดก, ค่าเล่าเรียนของลูก → IUL

  • เพื่อใช้ตอนเกษียณ → IUL

สรุปง่ายๆ:

“เลือกแบบประกันให้ตรงกับเป้าหมายชีวิต + ความสามารถในการจ่าย”
เพราะไม่มีแบบไหนดีที่สุด มีแต่แบบที่ เหมาะกับคุณที่สุด

Life Insurance with Living Benefits

ถ้าคุณอาศัยอยู่ที่ประเทศอเมริกา คุณจะต้องรู้จักประกันชีวิตประเภทนี้ เพื่อป้องกันการล้มละลายจากค่ารักษาพยาบาลที่จัดการไม่ได้ค่ะ กว่า 60% ของคนในอเมริกาล้มละลายเพราะไม่สามารถจ่ายค่ารักษาพยาบาลได้

“ประกันชีวิต…ไม่ได้มีไว้แค่ตอนเสียชีวิต!”

รู้ไหม? ประกันชีวิตบางแบบให้คุณ รับเงินก้อน ได้แม้ยังมีชีวิตอยู่!ถ้าคุณเจ็บป่วยด้วย โรคร้ายแรง เช่น มะเร็ง หัวใจวาย หรืออัมพฤกษ์คุณสามารถ เบิกเงินจากวงเงินคุ้มครองมาใช้ได้ทันทีไม่ต้องรอจนเสียชีวิตถึงจะได้เงิน!

Living Benefit หรือ สิทธิประโยชน์ขณะมีชีวิตอยู่ เป็นความคุ้มครองที่แนบมากับประกันชีวิตบางประเภท โดยให้คุณสามารถ เข้าถึงเงินจากกรมธรรม์ได้ในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ หากคุณประสบกับโรคร้ายแรงหรือภาวะเจ็บป่วยที่รุนแรง เช่น

  • โรคมะเร็งระยะลุกลาม

  • หัวใจวายหรือเส้นเลือดในสมองแตก

  • ภาวะเจ็บป่วยระยะสุดท้าย

  • ทุพพลภาพถาวร

  • หรือไม่สามารถดูแลตัวเองได้ (เช่น ต้องการการดูแลระยะยาว)

แทนที่ต้องรอจนเสียชีวิตถึงจะมีการจ่ายเงิน Living Benefit ช่วยให้คุณสามารถรับเงินล่วงหน้า จากวงเงินคุ้มครอง เพื่อนำมาใช้จ่ายค่ารักษาพยาบาล ค่าใช้จ่ายประจำวัน หรือดูแลครอบครัวในช่วงเวลาที่ยากลำบาก

ประโยชน์ของ Living Benefit:

  • ช่วยลดภาระทางการเงินในช่วงวิกฤติ

  • มีเงินใช้รักษาตัวโดยไม่ต้องกู้หนี้ยืมสิน

  • ทำให้ชีวิตคุณและครอบครัวเบาลงเมื่อเผชิญโรคร้าย

  • ใช้ได้จริง ไม่ต้องรอเสียชีวิต

  • ปลอดภาษี

ถ้าเจ็บป่วยหนักขึ้นมา คุณมีเงินเก็บอย่างน้อย $100,000 - $300,000 รึยัง? ถ้ายัง จะดีกว่ามั้ย ถ้าปล่อยให้บริษ้ทประกันเป็นคนดูแลรับผิดชอบไปค่ะ

ปัจจุบันนะคะ มีบริษัทประกันหลายบริษัทที่แถมความคุ้มครองโรคร้ายฟรี หรือ Living Benefits แต่ดาวขอแนะนำบริษัท National Life Group ที่โดดเด่นในเรื่องของ Living Benefits

1 Critical illness โรคร้ายแรง ต่างๆ ดังนี้

  • Cytic fibrosis (ซิสติก ไฟโบรซิส) โรคปอดเรื้อรัง

  • Diagnosis of ALS (Amyotrophic Lateral Sclerosis) โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง

  • End Stage Renal Failure โรคไตวายฉับพลัน

  • Heart Attack โรคหัวใจวาย

  • Heart Valve Replacement การเปลี่ยนลิ้นหัวใจ

  • Major Organ Transplant ปลูกถ่ายอวัยวะหลักๆ ในร่างกาย

  • Motor Neuron Disease โรคเสื่อมของเซลล์ประสาทสั่งการ

  • Stoke เส้นเลือดในสมองแตก

  • Sudden Cardiac Arrest ภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน

  • Cancer มะเร็งต่างๆ

    2. Chronic illness เจ็บป่วยเรื้องรัง

    ทุพพลภาพ และไม่สามารถทำกิจวัตรประจำวัน 2 ใน 6 อย่างได้ (Activities of Daily Living: ADLs) ดังนี้:

  • กินอาหารเองไม่ได้

  • อาบน้ำเองไม่ได้

  • ดินทางไปไหนมาไหนเองไม่ได้

  • ขับถ่ายเองไม่ได้

  • เปลี่ยน/ ใส่เสื้อผ้าเองไม่ได้

  • ลุกขึ้นเองไม่ได้

    3. Critical Injury (ABR)

  • Coma สภาวะที่ผู้ป่วยหมดสติและไม่รู้สึกตัวเป็นเวลานาน

  • Paralysis อัมพาต

  • Severe Burns บาดแผลไฟไหม้ขั้นรุนแรง

  • Traumatic Brain Injury ภาวะสมองบาดเจ็บ

    4. Alzheimer’s Disease โรคอัลไซเมอร์

    5. Terminal illness ความเจ็บป่วยระยะสุดท้าย

    หมอระบุว่าเป็นโรคที่รักษาไม่หาย และจะมีอายุเหลือเพียง 12 - 24 เดือน

  • หมายเหตุ: การเบิกเคลมเป็นไปตามที่บริษัทระบุ และการวินิจฉัยจากแพทย์

ข่าวดี!! ถ้าคุณเริ่มตั้งแต่อายุยังน้อย และสุขภาพแข็งแรง เบี้ยประกันจะไม่สูงมากค่ะ และไม่ใช่ทุกคนจะสามารถทำได้นะคะ ดังนั้น คุณควรเริ่มต้นตั้งแต่ตอนนี้ตอนที่ยังอายุน้อยและสุขภาพดีค่ะ เพราะหลายคนถูกปฏิเสธเพราะปัญหาสุขภาพค่ะ และเป็นเรื่องที่น่าเสียดายมากๆ

photo of mother and child beside body of water

พูดคุยกับดาวเพื่อวางแผนประกันชีวิตที่ตอบโจทย์ที่สุด

จะได้ไม่เสียเวลาไปทั้งชีวิตค่ะ

กรอกรายละเอียดด้านล่าง แล้วพูดคุยกันค่ะ

My Social Media

เรียนรู้เพิ่มเติมจากวิดิโอด้านล่างได้เลยค่ะ